Category Crypto

รัฐบาลฮ่องกงประกาศผ่านร่างกฎหมายควบคุมเหรียญสแตบลิงค์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 โดยกำหนดให้ผู้ออกเหรียญต้องได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้กรอบกำกับดูแลเข้มงวด เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดบริษัทนวัตกรรมจากทั่วโลก 📈 การเติบโตของตลาดคริปโตกฎหมายฉบับนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของฮ่องกงในการผลักดันตนเองเป็นศูนย์กลาง Web3 และบล็อกเชนระดับโลก ในขณะที่หลายประเทศยังคงชะลอการวางกฎเกณฑ์สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน 🔐 มาตรการปกป้องนักลงทุนผู้ออกเหรียญสแตบลิงค์จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบจากรัฐบาล มีข้อกำหนดเรื่องการรายงานทางการเงินอย่างโปร่งใส และการจัดเก็บเงินสำรองให้สอดคล้องกับจำนวนเหรียญในระบบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ 🤖 บทบาทของผู้ออกเหรียญผู้ได้รับอนุญาตต้องรักษาระดับเงินสำรองให้เท่ากับจำนวนเหรียญหมุนเวียน และต้องมีระบบตรวจสอบภายในที่แข็งแกร่ง เพื่อให้มั่นใจถึงเสถียรภาพของเหรียญที่อิงกับเงินตรา fiat 🌐 ผลกระทบต่อตลาดโลกความเคลื่อนไหวของฮ่องกงอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ เร่งวางกรอบกฎหมายสำหรับสแตบเล็กคอยน์ โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ยังไม่มีระบบที่ชัดเจน เช่น อาเซียน และลาตินอเมริกา Coin101 #ลงทุน #ความเสี่ยง #Regulation #Stablecoin #Web3 #Blockchain #Fintech #HongKong

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญความไม่แน่นอน เมื่อแพลตฟอร์มสำคัญอย่าง Bloomberg Terminal เกิดเหตุขัดข้องจนใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อเทรดเดอร์ นักลงทุน และสถาบันการเงินหลายแห่งที่พึ่งพาแพลตฟอร์มนี้ในการรับข้อมูลราคาและข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ 📉 การซื้อขายหยุดชะงักเทรดเดอร์จำนวนมากไม่สามารถโหลดข้อมูลใหม่หรือดำเนินการซื้อขายใด ๆ ได้ ทำให้กระบวนการตัดสินใจลงทุนมีความล่าช้า ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านเวลาและการบริหารพอร์ตโฟลิโอในภาวะที่ตลาดผันผวน 🏛️ ผลกระทบต่อประมูลพันธบัตร UKหนึ่งในผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือการประมูลพันธบัตรรัฐบาลของสหราชอาณาจักร โดยทาง Debt Management Office จำเป็นต้องขยายเวลาเสนอราคา เพื่อรองรับปัญหาที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของระบบ Bloomberg 💼 ความสำคัญของ Bloomberg TerminalBloomberg Terminal มีผู้ใช้งานมากกว่าแสนรายทั่วโลก และถือเป็นเครื่องมือหลักสำหรับธนาคาร บริษัทใหญ่ และนักลงทุน แม้ค่าบริการรายปีจะสูงถึง $28,000 ต่อหน่วย แต่แพลตฟอร์มนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารในตลาดการเงินระดับโลก

เหตุการณ์ข้อมูลลูกค้าแพลตฟอร์มคริปโตยักษ์ใหญ่อย่าง Coinbase ถูกปล่อยออกมาบนโลกออนไลน์ สร้างความกังวลอย่างมากในวงการ หลังพบว่าแฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น ที่อยู่บ้านจริงของผู้ใช้งานได้ ส่งผลให้หลายคนอาจตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรรมทางกายภาพ 💼 การรั่วไหลของข้อมูลและค่าเสียหายมหาศาลCoinbase ยืนยันว่ามีผู้ใช้งานไม่ถึง 1% ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ โดยประมาณการค่าชดเชยไว้ที่ 400 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยรหัสผ่านหรือกุญแจส่วนตัว (private keys) แต่ข้อมูลส่วนตัวที่หลุดออกไปเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการหลอกลวงหรือคุกคามผู้ถือครองคริปโตโดยตรง 💣 เสี่ยงถึงชีวิตจากภัยคุกคามทางกายMichael Arrington ผู้ก่อตั้ง TechCrunch แสดงความกังวลอย่างหนักผ่านโพสต์บน X โดยชี้ว่า “ข้อมูลที่รั่วไหล ซึ่งรวมถึงที่อยู่บ้านและยอดเงินในบัญชี อาจทำให้มีคนเสียชีวิตได้จริงๆ และอาจเกิดขึ้นไปแล้ว” 🚨 อาชญากรรมคริปโตพุ่งสูงในปี 2025รายงานเผยว่า มีเหตุการณ์โจมตีแบบรุนแรงหลายครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ในรูปคริปโต ในกรณีหนึ่งที่โดดเด่น คือ พ่อของผู้ประกอบการคริปโตชาวฝรั่งเศสถูกจับกุมตัวในปารีส…

ศาลล้มละลายเดลาแวร์กลายเป็นสนามต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในวงการคริปโต โดย Binance เป็นฝ่ายท้าทายคำฟ้องจาก FTX และเรียกร้องให้ศาลพิจารณาใหม่ว่า บริษัทไม่ใช่ผู้รับผิดชอบต่อความล่มสลายของ FTX ⚖️ Binance ชี้ FTX เบี่ยงเบนความผิดBinance ระบุว่า FTX พยายามโยนความผิดให้ผู้อื่น เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบจากข้อผิดพลาดและการทุจริตภายในที่เกิดขึ้น ซึ่งนำโดย Sam Bankman-Fried (SBF) อดีต CEO ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดหลายกระทง เอกสารที่ยื่นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่า Binance เชื่อมั่นว่า FTX กำลังพยายามปกปิดข้อบกพร่องในการบริหารจัดการภายในและกรณีการฉวยทรัพย์สินของลูกค้า 💬 ทวีตของ CZ กับผลกระทบมหาศาลFTX กล่าวหาว่าทวีตของ Changpeng Zhao (CZ)…

ตลาดคริปโตกำลังจับตาการเคลื่อนไหวของบิทคอยน์ (BTC) หลังราคาใกล้จะเกิดปรากฏการณ์ “โกลเดนครอส” บนกราฟรายวัน โดยในอดีตมักเป็นสัญญาณนำก่อนราคาพุ่งแรง แต่ไม่ได้รับประกันผลเสมอไป 📈 โกลเดนครอสเคยนำไปสู่การขึ้นแรงกว่า 45-60%หากย้อนดูเหตุการณ์ในปีที่ผ่านมา เช่น เดือนตุลาคม 2023 และกันยายน 2021 จะพบว่าหลังจากเกิดโกลเดนครอส ราคาบิทคอยน์ปรับขึ้นราว 45-60% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเปิดตัว ETF สำหรับบิทคอยน์ และความหวังทางการเมือง ⚠️ แต่โกลเดนครอสก็อาจผิดพลาดได้เช่นกันกรณีที่ชัดเจนคือเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เมื่อโกลเดนครอสเพิ่งเกิดขึ้น แต่ตามมาด้วยการปรับตัวลงกว่า 62% จากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดโลกชะลอตัว 📊 สัญญาณผสมระหว่างเทคนิคอลและพื้นฐานขณะนี้ บิทคอยน์มีปัจจัยสนับสนุนจากระดับเงิน M2 เพิ่มขึ้น และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนลดลง แต่ก็ยังมีสัญญาณลบบางอย่าง…

Moody’s ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จาก AAA เหลือ Aa1 โดยให้เหตุผลถึงการขาดวินัยทางการคลัง และการเพิ่มหนี้สาธารณะที่ไม่มีแผนแก้ไขอย่างชัดเจน สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดโลก 📉 การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือMoody’s ระบุว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถรักษามาตรฐานประเทศระดับ AAA ได้อีกต่อไป หลังจากดอกเบี้ยและหนี้สาธารณะขยายตัวรวดเร็ว โดยคาดว่าภายในปี 2035 หนี้สาธารณะจะพุ่งแตะ 134% ของจีดีพี จากปีที่แล้วที่ 98% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปีที่สหรัฐฯ หลุดจากระดับสูงสุด หลังจาก Fitch Ratings และ S&P Global Ratings ลดลงมาก่อนหน้า 💸 ผลกระทบทางการเงินการถูกปรับลดอันดับทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น และอาจกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ…

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 50.8 ในเดือนพฤษภาคม จาก 52.2 ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับสองในประวัฐิศาสตร์ โดยสาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากมาตรการภาษีใหม่และการประกาศเก็บภาษีนำเข้าที่กระทบต่อราคาสินค้า ผลสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า เกือบสามในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า การเก็บภาษีนำเข้าอาจทำให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจพุ่งไปถึง 7.3% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า แม้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะประกาศระงับการเก็บภาษีนำเข้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ก่อนหน้านี้ แต่การสำรวจส่วนใหญ่เสร็จสิ้นก่อนการประกาศดังกล่าว จะเห็นได้ว่าความไม่แน่นอนทางนโยบายการค้ายังคงสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง 📉 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและนโยบายการเงินJoanne Hsu ผู้อำนวยการ Surveys of Consumers ระบุว่า ประเด็นเรื่องภาษีถูกกล่าวถึงโดยผู้บริโภคจำนวนมากขึ้น สะท้อนถึงความกังวลที่ขยายตัวต่อภาวะเศรษฐกิจ Federal Reserve กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประธาน Jerome…

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเตือนบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ทผ่านโซเชียลมีเดียว่า ห้ามใช้เหตุผลของภาษีนำเข้าที่เขาเพิ่มขึ้นเป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้า โดยบอกว่าวอลมาร์ทควรแบกรับต้นทุนเหล่านี้เอง เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศ 💸 สงครามภาษีและความกดดันจากร้านค้าปลีกหลังจากที่ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน วอลมาร์ทเคยออกมากล่าวว่าสินค้าหลากหลายประเภท เช่น กล้วย หรือเบาะคาร์ซีทสำหรับเด็ก อาจต้องปรับราคาขึ้น ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากอดีตประธานาธิบดีอย่างชัดเจน ในโพสต์ Truth Social ทรัมป์ระบุว่า “วอลมาร์ทควรหยุดโทษภาษีนำเข้าที่ผมสร้างขึ้นเป็นเหตุผลของการขึ้นราคา พวกเขากำไรพุ่งกระฉูดเมื่อปีที่แล้ว และควรจะแบกรับภาระต้นทุนเหล่านี้ไว้เองโดยไม่เรียกเก็บจากลูกค้า” 📉 ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจการเพิ่มภาษีของทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักเศรษฐศาสตร์หลายคน โดยมองว่าแทนที่จะทำให้ต่างชาติจ่ายแทน แต่จริงๆ แล้วคือผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ต้องแบกรับภาระ ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเมื่อปลายเดือนที่แล้วลดลงมาอยู่ระดับใกล้จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ มีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 75% พูดถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าโดยตรง 🚗 บริษัทต่าง ๆ กดดันหนักวอลมาร์ทไม่ใช่บริษัทเดียวที่เผชิญกับแรงกดดันจากทรัมป์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ก็ถูกเตือนไม่ให้ปรับขึ้นราคาแม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษี นอกจากนี้…

การเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสหรัฐฯ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาแรงอีกครั้ง เมื่อร่างกฎหมายควบคุม stablecoins หรือที่เรียกว่า GENIUS Act มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกพิจารณาลงมติในวุฒิสภาภายในช่วงปลายเดือนนี้ โดยเฉพาะหลังจากวุฒิสมาชิกทั้งสองฝ่ายกลับมาเจรจาจนใกล้บรรลุข้อตกลง 🗳️ แผนการลงมติและกรอบเวลาวุฒิสมาชิก Cynthia Lummis แสดงความเชื่อมั่นว่า กฎหมายนี้จะผ่านฉลุยภายในวันที่ 26 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันหยุดสำคัญของสหรัฐฯ ภายใต้การสนับสนุนข้ามพรรค การพิจารณากฎหมายครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการวางกรอบกำกับดูแลคริปโตของประเทศ 🛠️ สาระสำคัญของกฎหมายGENIUS Act หรือ “Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins of 2025 Act” มีเป้าหมายเพื่อกำหนดมาตรฐานและความโปร่งใสให้กับ stablecoins โดยขยายอำนาจกำกับไปยังผู้ออกเหรียญต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ และกำหนดให้แพลตฟอร์มคริปโตทุกประเภท รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลและนักพัฒนา…

ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (AFP) แถลงการณ์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ว่าได้ทำการยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 4.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 2.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วยบ้านหรูริมน้ำ เครื่องประดับ และรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมกับบิทคอยน์จำนวนเกือบ 25 BTC มูลค่าราว 102,672 ดอลลาร์สหรัฐฯ 🕵️‍♂️ เริ่มจากเบาะแสในลักเซมเบิร์กการสอบสวนเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน 2561 หลังเจ้าหน้าที่จากลักเซมเบิร์กส่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมบิทคอยน์ที่น่าสงสัย ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงชายจากควีนสแลนด์ โดย AFP ระบุว่าเขาอาจเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมบิทคอยน์ 950 BTC จากแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในฝรั่งเศสเมื่อปี 2556 รถหรูอย่าง Mercedes-Benz ก็ถูกยึดตามคดีนี้ด้วย 🚨 ไม่มีการแจ้งข้อหาแต่ยึดทรัพย์ได้แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหาเกี่ยวกับการโจรกรรมคริปโตโดยตรง แต่ศาลออสเตรเลียอนุมัติคำสั่งยึดทรัพย์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา…